0087 | ตะลอนดอยทริป 3-11 ธันวาคม 2552

Tuesday, December 15th, 2009 Posted in Gallery | 4 Comments »

ต้นฉบับอยู่ที่เว็บฟอนต์ครับ

ป้ายก่อน กร๊ากกกก

ทริปนี้อยู่ในเขต จ. แม่ฮ่องสอนซะ 4-5 วัน ขึ้นเขาลงห้วย โค้ง เลี้ยวแทบทุกรูปแบบ เจอเกือบหมดแล้วครับ อี๋~

ดีที่ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย

ป้ายแม่อูคอ มันอยู่ตรงส่วนของที่พักเจ้าหน้าที่น่ะครับ
พอดีวันที่ไป… เดี๋ยวไว้ค่อยเล่าแล้วกัน

วันแรกไม่ค่อยมีอะไรครับ คืนวันที่ 4 เข้านอนที่ตัวเมืองแม่สอด
ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพิ่งเริ่มถ่ายตอนตื่นนอนแล้ว กร๊าก

เดินเล่นในเมืองตรงตลาดพลอยนิดหน่อย
แล้วก็ไปที่ตลาดริมเมย แม่ไปหาไอ้พวกที่อยู่มุมล่างนี้ครับ

เล่นเอาปวดหัวกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย เจอเพชรพลอยวิบๆ วับๆ จนตาลายไปหมด

ไม่ทันเที่ยงดีก็ออกเดินทางต่อไปยังเป้าหมายแรกในการลุยกางเตนท์ค้างแรมครับ
อุทยานแห่งชาติแม่เมย (เรียกผิดเรียกถูก จำสับสนระหว่าง แม่ริม + ริมเมย ทุกที)

ตรงนี้ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ครับ วัดระดับความสูงได้แค่ห้าร้อยเมตรนิดๆ
อากาศเรียกว่าสบายๆ เย็นๆ กำลังดี แต่ตอนเช้านี่สิ โวย

วันนี้พอดีเป็นวันพ่อด้วยแหละครับ เลยได้จุดเทียนชัยถวายพระพรจากที่นี่เลย
ปราศจากสัญญาณมือถือค่ายใดๆ ทั้งสิ้น มีก็แต่วิทยุ กับพวกสัญญาณดาวเทียมอย่างเดียว ง่ะ..

ที่เที่ยวของที่นี่อยู่ที่ตอนเช้าครับ ม่อนกิ่วลม ชมพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ทะเลหมอกที่ม่อนพูนสุดา
ต้องขับรถขึ้นมาอีกหน่อยนึงครับ ต่อจากตัวอุทยานขึ้นมาหลายกิโลอยู่เหมือนกัน

วาร์ปมาทันทีที่ทุ่งบัวตอง กร๊ากกกก
เนื่องด้วยทันทีที่ออกจากอุทยานนั่นเราก็บึ่งกันไปที่ทุ่งบัวตองเลยครับ
เพราะว่า… มันจะมืดแล้ว ไปถึงก็สองทุ่มกว่าแล้ว ไม่ทันได้ดูอะไร ตัดมาตอนเช้าวันถัดมาเลยดีกว่า

พอดีได้นอนใกล้ๆ กองอำนวยการของที่นี่ (กางเต็นท์นะครับ) เนื่องจากที่กางเต็นท์เต็ม ง่ะ..
ก็เลยมีจุดชมวิวสวยๆ ของจริงสวยมาก แต่ไม่สามารถถ่ายออกมาให้สวยได้ T_T
แต่ช่วงนี้ดอกมันโรยเกือบหมดแล้ว ก็เลยได้สภาพแบบนี้แหละ ง่ะ..

อ๊ะนี่โพสไปแล้ว… ขุดมาใหม่

เอ้อ ลืมบอกไป… ทุ่งบัวตอง อยู่บนระดับความสูงประมาณ 1450 เมตรจากน้ำทะเลครับ
อากาศก็เลยหนาว… บรึ๋ยๆ

พอออกจากทุ่งบัวตองได้หน่อยนึงก็เจอตลาดชาวเขา…
ที่จะมีแปลงดอกไม้ แล้วก็ไร่ผัก… โดยเฉพาะ… แครอท หื่น

ถอนกันสดๆ แล้วเอามาขายเลย หวานกรุบกรอบ อร่อยมาก กรี๊ดดดดด

ขยับที่ไปอีกนิด ก็เจอหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว
เข้ามาเดินแล้วรู้สึกว่ามันเฉยๆ แฮะ ไม่ได้มีอะไรมากมาย อารมณ์ประมาณตลาดดอยธรรมดาๆ
เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก

แต่ที่เจอแล้วยิ้มคือรูปมุมล่างซ้ายครับ เด็กดอยคนนึงกำลังสอนวิธีทอผ้าให้อีกคน ดูๆ ไปก็น่ารักดี
ส่วนอันล่างขวา เป็นวัดอะไรซักอย่างในหมู่บ้านกะเหรี่ยงนี่แหละครับ จำชื่อไม่ได้

เดินนิดเดียว ซื้อของฝากนิดหน่อย แล้วก็ไปต่อครับ เป้าหมายหลักที่สาม… ปางอุ๋ง หมู่บ้านนาป่าแปก
พิกัดแผนที่… http://maps.google.com/maps?q=19.529153,97.926915
อีกนิดเดียวก็ตกขอบชายแดนพม่าแล้ว กร๊าก

ตอนก่อนมาก็ศึกษาอย่างดีว่ามันมีอะไรยังไงบ้าง แต่พอไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่า…
ไม่ได้จองล่วงหน้าก็อดครับ โวย
คือจริงๆ มันจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวค้างแรมครับ เพราะที่พักมันจำกัดจำเขี่ยมาก แล้วคนก็เยอะมากๆ เลยด้วย
สุดท้ายก็กางเต็นท์มันที่โรงเรียนบ้านนาป่าแปกเลยครับ
สนามฟุตบอลกว้างมากพอที่จะให้กางเต็นท์ได้เป็นสิบเลย
แล้วอีกอย่าง … ถ้าไม่ได้พักข้างบน ก็อย่าหวังจะเอารถขึ้นไปครับ
ให้นั่งรถสองแถวของเค้าขึ้นไป คิดค่าบริการหัวละ 50 บาท (ไป-กลับ)
ไปแล้วถ้าจะกลับก็เดินมาที่จุดรอรถครับ ไม่มีกำหนดเวลา จะไปตั้งแต่หัววันแล้วค่อยกลับเย็นๆ ค่ำๆ ก็ยังได้

ตอนเช้าวันนั้นเจอไป 5-8 องศา แล้วแต่ตำแหน่งที่ไปยืน… เล่นเอาแทบขาดใจตาย
หนาวมาก ใส่เสื้อสี่ชั้นยังไม่หายหนาวเลย ฮือๆ~

ปางอุ๋งนี่… เป็นสถานที่ที่พิเศษมากๆ อย่างนึงครับ
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นประมาณชั่วโมงนึง เปิดกล้อง mode auto แล้วหลับหูหลับตาถ่าย ยังไงก็สวย กรี๊ดดดดด
ป่าสนเวลาโดนแดดนี่สวยสุดยอดจริงๆ
อ้อ แล้วช่วง 6-7 โมงจะมีพระเดินบิณฑบาตรด้วยนะครับ ถ้าแนะนำให้เอาข้าวสารอาหารแห้งมาถวายบ้างก็จะดีมาก
หรือถ้ารีบตื่นมาทำอาหารบ้างก็น่าจะดี เพราะที่สังเกตจะรับบิณฑบาตรอาหารจำพวกมาม่าซะเยอะ

อ๊ะ เรือ โวย

พอแสงเริ่มลอดผ่านต้นสน ความมหัศจรรย์ก็จะเริ่มบังเกิดก็ตอนนี้แหละครับ

พูดถึงเรือ…

ที่นี่จะเป็นแพไม้ไผ่ครับ ใช้แรงคนพาย ขึ้นได้เที่ยวละสองคน เป็นบริการล่องแพไปชมหงส์
บรรยากาศนี่แสนจะโรแมนติ๊ก โรแมนติก
เหมาะกับการพาแฟนไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ฮือๆ~ พูดแล้วก็เศร้า
อ้อ ค่าขึ้นแพเที่ยวละ 150 บาทนะครับ หรือถ้าขึ้น 3 คนก็จะเป็น 200 บาทแทน
แต่ไม่อนุญาตให้คนตัวใหญ่ๆ สามคนขึ้นนะ กร๊ากกกก แพมันกะตึ๋งนึง

หงส์ที่นี่มีอยู่สามตัวครับ สีขาวตัวผู้ 1 ตัวแล้วก็สีดำอีก 1 คู่ผัวตัวเมีย
ไอ้หงส์ขาวนั่นมันดุ๊กดิ๊กมากครับ สวยสง่าอย่างแรง… แต่ถ่ายมาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าถ่ายมาจากนี่
เพราะดันไปเจอมาจากที่ cm night safari ด้วย ฮ่าๆ ฮือๆ คิดแล้วก็น่าเศร้า

อ้อ เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ครับ ถามมาจากพี่คนพายเรือ (ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนยังไง เพราะรู้สึกมันไม่สมเหตุสมผลยังไงไม่รู)
เค้าบอกว่า ไอ้ตังค์ที่ได้เนี่ย จะถูกหักให้นายหัว 100 บาท ต่อ 1 เที่ยวเสมอ
วันนึงก็พายได้ประมาณ 10 เที่ยวเองมั้ง เหนื่อยน่าดู ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ต้องพายด้วยมืออีก

ระหว่างทางที่ออกจากปางอุ๋งไปปายจะผ่าน อช.ถ้ำปลา ครับ ตรงนี้จะมีน้ำตกผาเสือ สวย แต่เล่นไม่ได้เพราะน้ำเชี่ยวมาก หินลื่นด้วย
แล้วก็จะมีถ้ำปลา… ตอนแรกนึกว่าจะเป็นถ้ำมีแม่น้ำอะไรพวกนี้แล้วมีปลาว่ายๆๆ
ที่ไหนได้ ง่ะ..


ถ้าจินตนาการไม่ออก ให้ลองนึกถึงเข่งขายปลาดุก ที่ยัดปลาลงไปอัดๆๆๆ กันเต็มเข่งดูนะครับ ง่ะ ประมาณนั้นเลย…

แล้วก็ออกเดินทางต่ออีกประมาณสองสามชั่วโมงก็ถึง… ปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
คนเยอะมาก ตอนไปถึงไฟดับทั้งเมืองเลยด้วย อ๊ากกกก จุดเทียนกันสว่างไสว


ชอบเอกลักษณ์อย่างนึงของเมืองนี้ครับ
การจัดสถานที่ของพวกร้านค้า บ้านเรือน กับสภาพเมืองที่ค่อนข้างน่ารักเอาเรื่อง
ถ้าไม่คิดว่าคนเยอะไปนิดส์จนเสียบรรยากาศบ้างก็เป็นเมืองที่โอเคเลยทีเดียว


KBANK ถึงกับทิ้งสีเขียวมาจัดบรรยากาศรีซ๊อดรีสอร์ท แถม KTB ก็ยังมีซุ้มถ่ายรูปอีก กร๊าก

ส่วนสถานที่ที่ชอบมากที่สุด….

ปายยยยย สะ นีย์ย์ย์ย์ย์ย์

จัดเป็นที่เที่ยวได้สบายๆ เลย แถมพนักงานก็น่ารักมาก เราไปป่วนซะวุ่นวายกันทั้ง ปณ. ก็ยังยิ้มรับแขกได้ตลอด กรี๊ดดดดด

แล้วก็ต้องมาที่ถ่ายรูปยอดนิยม Coffee In Love

สวย แต่… ไม่รู้สิ ไม่ประทับใจครับ ขาดความโรแมนติกไปได้ไงไม่รู้

ออกจากปายไปเชียงใหม่ต่อ ผ่านสะพานประวัติศาสตร์… ดูอายุแล้วสะพานที่สุไหงโก-ลก ยังแก่กว่าซะอีก ง่ะ.. แถมไม่เคยถูกรื้อถอนด้วย

ไปเชียงใหม่ ได้ที่อยู่แล้วก็ไปราชพฤกษ์เลยครับ กำลังมีงานพอดี
วันที่ 9 วันรองสุดท้ายแล้ว โชคดีเป็นบ้า
คิดถึงต้นราชพฤกษ์หน้างานมากๆ เลย กรี๊ดดดดด ตอนนี้เป็นพุ่มใหญ่สง่ามากเลย เสียดายไม่มีดอก

เมื่อสามปีที่แล้ว ต้นแค่นี้เอง กรี๊ดดดดด

ปล. ถ่ายพลุนั่น ถือกล้องลอยๆ เลย ฮือๆ~ มือสั่นยิกๆๆๆๆ

กลับเข้าที่พัก กว่าจะได้นอนเอาแรงก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว
เช้าวันถัดมากว่าจะได้ออกจากที่พักก็เล่นซะเก้าโมงกว่า อ๊ากกกก
เป้าหมายแรก พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ครับ

เสียค่าเข้าชมยี่สิบบาทต่อคน แล้วก็ถ้าใส่ขาสั้นมา จะบังคับให้ใส่กางเกงคล้ายๆ กางเกงเลทับอีกที
สวยครับ แต่สู้พระตำหนักดอยตุงไม่ได้

ออกจากพระตำหนักไปสวนสมเด็จฯ ต่อ (คนละทิศเลย กร๊าก) เป็นการเที่ยวที่เส้นทางเวียนไปเวียนมาจนน่าปวดหัว

ไม่รู้ว่าไอ้ต้นไม้ขวดนั่นขนมาจากราชพฤกษ์รึเปล่า เพราะตอนอยู่ที่งานไม่ยักกะเห็น (คิดว่าน่าจะใช่แหละ เพราะไม้นอก ไม่มีในไทย)

กลับที่พัก พักผ่อนแว๊บนึงแล้วก็ออกไปเที่ยวต่อครับ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี กรี๊ดดดดด

ถ่ายรูปยากเป็นบ้า ต้องขอบคุณเลนส์ fix ที่ช่วยให้ถ่ายกลางคืนได้ง่ายขึ้นเยอะ (อัดไป F/1.4 ยังได้แค่นี้เอง)
ชอบเสือขาว กรี๊ดดดดด พี่สาวผมกรี๊ดใหญ่เลย

ว่าด้วยที่พัก… [พื้นที่โฆษณา]
http://maps.google.co.th/maps?f=q&source=s_q&hl=th&q=18.893059,+98.916046

ที่ไปพักมีชื่อว่า ‘บ้านบนดอย’ ครับ อยู่ อ.แม่ริม ถ้าออกจากเมืองจะอยู่บนทางไป สวนสมเด็จ เลี้ยวออกมาอีกที เข้ามาค่อนข้างลึกพอสมควร
น้องหมาตัวด้านบนซ้ายนั่น ภูมิใจเสนอมากมาย กร๊าก เป็นหมาที่ฮา+แสนรู้มาก ชื่อเป๊ปซี่ครับ

คือตอนเช้าครับ นั่งกินข้าวเช้ากันอยู่ ไอ้หมาน้อยนี่มันก็มานั่งจุ้มปุ๊กอยู่อย่างนี้แหละด้านข้าง
เราก็มองมันซักพักแล้วก็หันไปจัดการอาหารต่อ… พอมันเห็นว่าไม่มีคนสนใจมัน มันก็เลย…

ยกขาหน้ามาสะกิดๆ ขาของแม่ผม (ที่มันนั่งอยู่ข้างๆ) กร๊าก

เอาซะฮา นั่งขำพฤติกรรมมันอยู่พักใหญ่ๆ ถ้ามีคนมองมันมันจะทำตาแป๋วบอกขออาหารหน่อย
แล้วถ้าแกล้งเมินมันซักพัก มันก็จะเอาขามาสะกิดๆ อีก กร๊าก น่ารักครับ

ห้องพักสภาพดี อย่างที่เห็น สองเตียงใหญ่ หนึ่งเตียงเล็ก คืนละ 1200 บาท ทีวีน้ำอุ่นพร้อม (แต่ไม่ได้ดูทีวีหรอก)

สิ้นสุดทริปกันตรงนี้สำหรับผมครับ เนื่องด้วยต้องรีบบินกลับภูเก็ต ฮือๆ~ แม่โทรมาอวดใหญ่บอกว่าที่สุโขทัยมีสวนสวยๆ อีกเพียบเลย แงๆ

ถึงสนามบินภูเก็ตโดยสวัสดิภาพ กรี๊ดดดดด

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ กร๊าก

Tags: , , , ,